กุ้ง จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ชั้น Crustacea อันดับ Decapoda มีด้วยกันหลายวงศ์
กุ้งเป็นสัตว์น้ำ หายใจด้วยเหงือก ลำตัวยาว แบนหรือกลม แบ่งเป็นปล้องๆ
เปลือกที่หุ้มท่อนหัวและอกคลุมมาถึงอกปล้องที่ 8 ส่วนใหญ่กรีมีลักษณะแบนข้าง
ก้ามและขาอยู่ที่ส่วนหัวและอก มี 10 ขา มีทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม
โดยปกติชอบหลบซ่อนตัวอยูเงียบ ๆ ตามพื้นน้ำหรือในวอกมือด ๆ จะออกหากินในเวลากลางคืน
กุ้งกินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร เช่น กิน กุ้งด้วยกันเอง ลูกปลา ไส้เดือน
สัตว์หน้าดินขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ ข้าว เนื้อมะพร้าวตลอดจนซากสัตว์
สามารถแบ่งออกได้หลายชนิด เช่น กุ้งกุลาดำ กุ้งก้ามกราม กุ้งนาง กุ้งหลวง
กุ้งก้ามเกลี้ยง กุ้งตะกาด กุ้งตะเข็บ กุ้งฝอย กุ้งหัวแข็ง กุ้งหัวโขน กุ้งขาว
กุ้งรู กุ้งหิน กุ้งดีดขัน กุ้งแชบ๊วย กุ้งเครย์ฟิช
กุ้งกุลาดำ หรือ กุ้งม้าลาย (เป็นกุ้งทะเล ขนาดประมาณ 18 - 25
เซนติเมตร อาศัยอยู่ในเขตร้อน
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์แตกต่างกันหลายชื่อตามนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบ
แต่ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป คือ Penaeus Monodon
Frabricius และมีชื่อภาษาอังกฤษที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
(FAO) ใช้อยู่คือ Giant Tiger Prawn ชอบอาศัยอยู่ในบริเวณน้ำลึก
ห่างออกจากฝั่งและชอบพื้นทะเลที่เป็นดินทราย สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ทนอยู่ในน้ำที่มีอุณหภูมิสูงและความเค็มต่ำ เช่น บริเวณป่าชายเลนได้ดี
และหาอาหารจำพวกแพลงก์ตอน, หนอน, แมลงน้ำ
เครย์ฟิช หรือ ครอว์ฟิช เป็นกุ้งน้ำจืดจำพวกหนึ่ง
มีรูปร่างโดยรวมลำตัวใหญ่ เปลือกหนา ก้ามใหญ่แลดูแข็งแรงร่างกายเครย์ฟิชนั้นแบ่งออกได้เป็น
3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนกลาง หรือ ทอแร็ก คือส่วนที่มีขาใช้สำหรับเดิน
ส่วนสุดท้ายคือ ส่วนท้องซึ่งเป็นส่วนที่มีเนื้อเยอะมากที่สุด
ซึ่งส่วนหัวกับส่วนกลางนั้นเชื่อมติดรวมกันเป็นชิ้นเดียว เรียกว่า เซฟาโลทอแร็ก ทั้งตัวนั้นจะถูกหุ้มด้วยเปลือก
หรือ คาราเพซ ซึ่งทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ ใช้สำหรับปกป้องลำตัว
และเป็นที่ตั้งของอวัยวะหายใจ คือ เหงือกที่มีลักษณะคล้ายขนนกอยู่ใกล้บริเวณปาก
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบหายใจ
คือเป็นทางผ่างของน้ำเพื่อให้น้ำไหลผ่านช่องเหงือกนั่นเองในส่วนของขานั้นแบ่งออกเป็น
2 ส่วน คือ ขาเดิน ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 คู่
โดยคู่แรกนั้นถูกพัฒนาจนกลายเป็นก้าม ใช้สำหรับหยิบจับอาหารและใช้ต่อสู้ และ
ขาว่ายน้ำ จะมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ
มีไว้สำหรับโบกน้ำที่มีออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อหายใจ
รวมทั้งโบกพัดแพลงก์ตอนเข้าหาตัวเพื่อกินเป็นอาหารอีก ในเครย์ฟิชตัวเมีย
ขาว่ายน้ำยังใช้เป็นที่อุ้มไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิอีกแล้วต่างหาก[2]
มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ, ทวีปยุโรป, โอเชียเนียและบริเวณใกล้เคียง เช่น
อีเรียนจายา และเอเชียตะวันออก ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานเครย์ฟิชไปแล้วกว่า 500 ชนิด ซึ่งกว่าครึ่งนั้นเป็นเครย์ฟิชที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ก็ยังมีอีกหลายร้อยชนิดที่ยังไม่ได้รับการอนุกรมวิธาน
อีกทั้งหลายชนิดยังมีความหลากหลายทางสีสันมากอีกด้วย
กุ้งดีดขัน หรือ กุ้งกระเตาะ จัดเป็นกุ้งขนาดเล็ก ลำตัวใส ส่วนหัวมีขนาดใหญ่เรียวเล็กลงไปถึงหาง
นัยน์ตาเล็กและมีหนวดยาว มีก้ามใหญ่โต โดยเฉพาะข้างหนึ่งจะใหญ่กว่าอีกข้างหนึ่ง
มีความสามารถงับก้ามทำให้เกิดเสียงดัง "แป๋ง ๆ "
โดยเฉพาะเมื่อกระทบขันน้ำโลหะเสียงจะดังยิ่งขึ้น จึงได้ชื่อว่า
"กุ้งดีดขัน" ซึ่งการที่ทำแบบนี้ได้ก็เพื่อทำให้ศัตรูตกใจ
จากนั้นจะใช้ก้ามอีกข้างหนึ่งที่เล็กกว่าบีบน้ำใส่หน้าของศัตรูแล้วหนีไป
มีพฤติกรรมชอบหลบซ่อนอยู่ตามซอกวัสดุต่าง ๆ ริมฝั่งทั้งในน้ำเค็มและน้ำกร่อย
และในน้ำจืดบางชนิด ซึ่งบางครั้งพบได้ในท้องร่องสวนบางที่
หรือตามลำห้วยที่ไหลมาจากน้ำตกได้อีกด้วยแรงดันของน้ำที่เกิดจากก้ามของกุ้งดีดขันมีมากได้ถึง
80 kPa ในรัศมี 4 เซนติเมตร
ซึ่งมีความรุนแรงที่ทำให้ปลาตัวเล็ก ๆ ช็อกตายได้
และเสียงจากการกระทำดังนี้มีความดังถึง 218 dB/µPa/m (เดซิเบล/ไมโครปาสคาล/เมตร)
เมื่อเทียบกับเสียงของน้ำตกไนแองการาซึ่งดังเพียง 90 dB เสียงในโรงงานอุตสาหกรรมดังเพียง
80 dB เสียงพูดคุยปกติธรรมดา 30 dB นับว่ากุ้งดีดขันสามารถทำเสียงได้ดังกว่ามีทั้งหมด
45 สกุลชนิดที่พบเจอบ่อย ๆ ได้แก่ Alpheus microrhynchus ซึ่งพบในน้ำจืด
และ A. digitalis เป็นต้น เฉพาะสกุล Alpheus นั้นพบในประเทศไทยทั้งหมด 35 ชนิด โดยพบในอ่าวไทย 8 ชนิด ทะเลอันดามัน 5
ชนิด และพบทั้งสองฟากทะเล 22 ชนิดกุ้งดีดขันมีความสำคัญในแง่ของการประมง
ที่บังกลาเทศ, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลียตอนเหนือ
นิยมนำมารับประทาน และยังนิยมทำเป็นเหยื่อตกปลาอีกด้วย
นอกจากนี้แล้วจากความสามารถที่ทำเสียงดังได้
ทำให้กุ้งดีดขันมักถูกจับมาขายเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม
ซึ่งชนิดที่มักถูกจับมาขายเป็นสัตว์เลี้ยง คือ A. cyanoteles ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้ในน้ำจืดสนิท
ล็อบสเตอร์ (Lobster) เป็นสัตว์ทะเลน้ำเค็มขนาดใหญ่
ลักษณะลำตัวจะมีสีดำปนแดงชื่อของกุ้งชนิดนี้มาจากคำในภาษาอังกฤษสมัยโบราณว่า Loppestre
เป็นคำสมาสของคำภาษาละตินว่า Locusta แปลว่า
ตั๊กแตน และ Loppe ในภาษาอังกฤษ ที่แปลว่า แมงมุม
ล็อบสเตอร์เป็นสัตว์ขาปล้อง
สายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือล็อบสเตอร์ยุโรปกับล็อบสเตอร์อเมริกา
เจริญเติบโตด้วยการลอกคราบ เนื่องจากฟันที่ใช้บดอาหารในกระเพาะอาหาร
เป็นส่วนหนึ่งของโครงกระดูกภายนอก จึงจำเป็นต้องดึงเอาเนื้อเยื่อของลำคอ กระเพาะ
และทวารหนักออกมาด้วย แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่จะรอดชีวิตจากกระบวนการลอกคราบนี้นอกจากนี้แล้ว
ล็อบสเตอร์ยังถือว่าได้ว่าเป็นครัสเตเชียนที่มีอายุยืนยาวที่สุดด้วย
มีอายุขัยโดยเฉลี่ย 100 ปี
กุ้งมังกร หรือ กุ้งหัวโขน หรือ
กุ้งหนามใหญ่ลักษณะและวงจรชีวิตมีลักษณะต่างจากกุ้งทั่วไป คือ
เป็นกุ้งที่มีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะส่วนหัวที่มีขนาดใหญ่ และมีลวดลายและสีสันสวยงาม
มีลำตัวรูปทรงกระบอก หนวดคู่ที่ 2 ยาวกว่าความยาวของลำตัวมาก
โคนหนวดคู่ที่สองไม่อยู่ติดกัน บนแผ่นกลางหนวดมีหนามขนาดใหญ่อยู่ปลายสุด 1 คู่
อยู่ตรงแนวกลางของโคนหนวดคู่ที่ 1 โคนละ 1 หนาม ใช้สำหรับป้องกันดวงตา
ไม่มีก้ามเหมือนกุ้งจำพวกอื่น ปล้องท้องเรียบไม่มีร่องขวางกลางปล้อง
ขอบท้ายของปล้องท้องมีลายสีครีมขวางทุกปล้อง หางลักษณะแผ่เป็นหางพัด
พบทั่วไปตามหาดโคลนบนพื้นทะเล พบกระจายพันธุ์ตามทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลกกุ้งมังกรเมื่อเทียบกับกุ้งอื่น
ๆ จัดเป็นกุ้งที่เติบโตช้ามาก
การเจริญเติบโตใช้วิธีการลอกคราบในขณะที่อยู่ในวัยอ่อน จะมีการลอกคราบบ่อยครั้ง
คือประมาณสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง กว่าจะโตเต็มที่ต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 เดือน
การออกไข่แต่ละครั้งจะมีปริมาณไข่ประมาณ 200,000-1,000,000 ฟอง ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะฟักเป็นตัว
ในระยะวัยอ่อนจะมีชีวิตแบบแพลงก์ตอนขนาด 1 มิลลิเมตร ล่องลอยอยู่ในกระแสน้ำ
จนอายุได้ 8-9 เดือน จึงจะกลายเป็นกุ้งวัยอ่อนขนาด 3-4 เซนติเมตร จะเข้ามาอาศัยหลบภัยในกอสาหร่ายทะเล,
หญ้าทะเล หรือแนวปะการังนาน 2 ปี ถึงจะแข็งแรงพอช่วยตัวเองได้
และเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 7-10 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น